เซร์คิโอ รามอส ปราการหลังจอมเก๋า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ประกาศชัด

พร้อมทุ่มสุดตัวในการดวลกับต้นสังกัดเก่าอย่าง เรอัล มาดริด ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่การันตีรัก “ราชันชุดขาว” เหมือนเดิม เซร์คิโอ รามอส ยอดเซนเตอร์แบ็กชาวสแปนิชของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ยืนยันว่า ตนจะทุ่มเทแบบสุดชีวิต เพื่อช่วยทีมฝ่าด่าน เรอัล มาดริด ต้นสังกัดเก่า ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย

ให้ได้ การจับสลากประกบคู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น ตอนแรก เปแอสเช ถูกจับดวลกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่เพื่อความยุติธรรม หลังเกิดความผิดพลาดด้านเทคนิค ทำให้ต้องมีการจับกันใหม่ และคราวนี้ เปแอสเช ได้ เรอัล มาดริด เป็นคู่แข่ง ซึ่ง รามอส รู้สึกยินดีไม่น้อย ที่มีโอกาสได้กลับไปเยือนถิ่น ซานติอโก เบร์นาเบว เพื่ออำลาแฟนบอล “ราชันชุดขาว” อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ รามอส อยู่รับใช้ทัพ “ราชันชุดขาว” มานานถึง 16 ปี ก่อนหมดสัญญา และเก็บข้าวของย้ายมาร่วมก๊วน เปแอสเช แบบไร้ค่าตัว เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา “คุณเองก็รู้ถึงความรักของผมที่มีต่อ เรอัล มาดริด แต่ตอนนี้มันเป็นโอกาสของผมที่จะต้องช่วยปกป้อง เปแอสเช และผมก็ทุ่มเททำทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะนี่คือทีมที่เชื่อมั่นในตัวผม และผมก็พร้อมที่จะสู้ตายเพื่อ เปแอสเช”

“ผมไม่ได้อยากจะมีปัญหากับ เรอัล มาดริด นะ แต่ผมอยากจะบอกว่า

ผมมีความสุขกับการได้กลับไปซานติอาโกเบร์นาเบวเพราะด้วยโควิดทำให้ตอนนั้นผมไม่สามารถกล่าวอำลาแฟนๆ ได้แบบเป็นเรื่องเป็นราว” ปราการหลังวัย 35 ปี กล่าวโดยฤดูกาลนี้เจ้าตัวมีปัญหาบาดเจ็บรุมเร้าและเพิ่งลงเล่นให้เปแอสเชแค่นัดเดียวเท่านั้นสำหรับเกมแรกเปแอสเชจะเปิดรังปาร์กเดส์แพร็งซ์ดวลกับเรอัลมาดริดวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ปีหน้า

ก่อนออกไปเตะนัดสองที่ซานติอาโก เบร์นาเบวอีก6วันให้หลังเกมนี้เปแอสเชของเมาริซิโอโปเช็ตติโน่ ส่งเซร์คิโอรามอส ปราการหลังชาวสแปนิชออกสตาร์ตเป็นตัวจริงและเป็นการประเดิมสนามนัดแรกนับตั้งแต่ย้ายมาจากเรอัลมาดริด เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาหลังเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บส่วนแนวรุกใช้ทั้งองเคดิมาเรีย,ลีโอเนลเมสซี่,เนย์มาร์และ คีลียันเอ็มบั๊ปเป้ล่าตาข่ายเปิดฉากครึ่งแรกมาได้เพียง 5 นาทีเปแอสเชเกือบขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่อังเคลดิมาเรียหลุดเข้าเขตโทษแล้วจ่ายย้อนให้ ลิโอเนล เมสซี่ ก่อนจะเบิ้ลไปที่เสาไกลให้เนย์มาร์ยืนซัดโล่งๆเข้าประตูไปแต่ผู้ตัดสินเช็ก VAR แล้วยึดประตูคืนเนื่องจากดาวยิงทีมชาติบราซิลอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าไปก่อนเปแอสเชยังเปิดหน้าบุกใส่อยู่ฝ่ายเดียวและเกือบขึ้นนำอีกครั้งในนาทีที่ 13 เมื่อ เนย์มาร์ แทงทะลุช่องให้ คีลียัน เอ็มบั๊ปเป้ หลุดเดี่ยวกระชากเข้าเขตโทษและตัดสินใจยิงยัดเสาแรกแต่ยังติดเซฟของเอเตียนกรีน

อย่างไรก็ตาม แซงต์ เอเตียน ที่รูปเกมเป็นรองมาได้ประตูพลิกขึ้นนำก่อน 1-0 จากจังหวะที่ วาห์บี้ คลาซรี่ หลุดกับดักล้ำหน้ามาซัดโล่งๆไปติดเซฟของ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า จังหวะแรกก่อนจะกระดอนมาเข้าทางปืนของ เดนิส บูนก้า ตามซ้ำโล่งๆไม่เหลือ โดยผู้ช่วยยกธงเป็นจังหวะล้ำหน้า แต่ทว่าเมื่อผู้ตัดสินเช็กจาก VAR จะเป่ากลับมาให้เป็นประตู

ติดตามบทความข่าวสารอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ adonaj.net